การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นในทริปนี้ของเรา … เรามากันที่เกาะชิโกกุ (Shikoku) มาเริ่มต้นการเดินทางกันที่จังหวัดแรกเลยดีกว่า จังหวัดคากาวะ หรือ Kagawa Prefecture ตามมาเที่ยวกันเลยยยย 😉
การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นในทริปนี้ของเรา … เรามากันที่เกาะชิโกกุ (Shikoku) 1 ใน 4 เกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น และแม้จะเป็นเกาะที่เล็กที่สุดในบรรดาทั้ง 4 เกาะ แต่อุดมไปด้วยทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่เต็มประสิทธิภาพ หากใครได้มาเยือน อาจจะรู้สึกเหมือนถูกน็อคด้วยความประทับใจ (เรียกได้ว่า “โดนใจ”) เลยทีเดียว
ว่าแล้ว… เราก็มาเริ่มต้นการเดินทางกันที่จังหวัดแรกเลยดีกว่า จังหวัดคากาวะ หรือ Kagawa Prefecture ตามมาเที่ยวกันเลยยยย (^^)/
Kagawa เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเรื่องแหล่งเกาะแห่งเทศกาลงานศิลป์ และเกาะมะกอก และแม้ในครั้งนี้ เราจะไม่ได้มีโอกาสไปเยือนเกาะเหล่านั้น แต่จังหวัดนี้ ก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ให้เราไปเที่ยวชมกันอีกเพียบ
หลังจากที่เราเดินทางมาจากกรุงเทพฯ เราก็ต่อเครื่องมาลงที่สนามบินทาคามัตสึ (Takamatsu Airport) สนามบินประจำจังหวัด Kagawa ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่เกาะ Shikoku เพราะเที่ยวบินส่วนใหญ่ที่มุ่งหน้ามายังเกาะแห่งนี้ มักจะมาลงที่สนามบินแห่งนี้เป็นหลัก (แม้จังหวัดอื่นๆ ในเกาะ จะมีสนามบินเป็นของตัวเองด้วยก็ตาม)
Ritsurin Garden
และจุดท่องเที่ยวแรกซึ่งถือเป็นไฮไลน์ของจังหวัด Kagawa เลย ก็ต้องที่นี่แหล่ะ … สวนริทสึริน (Ritsurin Garden)
หนึ่งในสวนญี่ปุ่นที่มีความสวยงามมาก ด้วยการออกแบบองค์ประกอบต่างๆ ในสวน และพืชพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ แล้วยังมีพื้นที่กว้างขวาง จนเป็นเสมือนป่าใหญ่กลางเมือง Takamatsu ประกอบไปด้วยเนินเขาที่สร้างขึ้นมาให้มีวิวทิวทัศน์ที่แตกต่างกันถึง 13 เนิน สระน้ำอีก 6 สระ โดยนักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือแจว “Senshu maru” เพื่อชมบรรยากาศของสวนแห่งนี้อย่างเพลิดเพลิน หรือไม่ก็นั่งจิบน้ำชาในเรือนน้ำชา เพื่อชมวิวสระ ชมเนินเขา และเรือที่ล่องผ่านไปมา
สวน Ritsurin เคยเป็นสวนของเจ้าเมืองเมื่อครั้งอดีต สร้างแล้วเสร็จในปี 1745 โดยใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 100 ปี! ภายใต้การดูแลของเจ้าเมืองกว่า 10 รุ่น
นอกจากนี้ สวน Ritsurin ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 3 ดาว ของ Michelin Green Guide Japan อีกด้วย การันตีได้ถึงความน่าประทับใจที่ไม่ควรพลาดของสวนแห่งนี้
Ritsurin Garden
ที่ตั้ง : 1-20-16 Ritsurin-cho, Takamatsu-shi, Kagawa
เปิดบริการ : เปิดตลอดทั้งปี แต่เวลาทำการจะต่างกันไปในแต่ละเดิน ซึ่งจะอยู่ราวๆ 07.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 410 เยน เด็ก 170 เยน (วันที่ 1 ม.ค. และ 16 มี.ค. เข้าฟรี)
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Ritsurin Koen Kitaguchi มาได้ เพียง 3 นาทีเท่านั้น
เว็บไซต์ :
https://www.my-kagawa.jp/en/sightseeing/sightseeing01
https://www.my-kagawa.jp/en/ritsurin/
Kitahama Alley
ตรอกคิตาฮามะ หรือ Kitahama Alley จุดนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัด Kagawa ที่เขาพยายามจะสร้างขึ้นมาดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมทั้งคนในท้องถิ่น
ตั้งอยู่บริเวณริมทะเล ใกล้ท่าเรือ ซึ่งใช้การดัดแปลงโกดังสินค้าเก่าแก่ให้เกิดประโยชน์ ถือเป็นไอเดียของท้องถิ่นที่น่าสนใจมากๆ เลยนะ (เมืองไทยน่าจะนำแนวคิดแบบนี้มาปรับใช้กันเยอะๆ เลย)
เพราะตอนนี้ เริ่มมีผู้ประกอบการหลายคนสนใจในพื้นที่โกดังเก่าแถบนี้เยอะแบบที่ต้องแย่งชิงกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทั้งหลาย เนื่องจากค่าเช่าพื้นที่ไม่แพง ผู้เช่าจึงสามารถรังสรรค์ร้านเก๋ๆ ตามสไตล์ที่ตัวเองต้องการได้ โดยไม่ต้องลงทุนมากเท่ากับการเช่าร้านในพื้นที่อื่น
ปัจจุบันก็มีร้านค้าเล็กๆ น้อยๆ หลากหลายรูปแบบ ที่ลองเดินเข้าไปดูแล้ว มีแต่ความเก๋ทั้งนั้น แต่งร้านกันได้จ๊าบมาก ไม่รู้ไปสรรหาไอเดียกันมาจากที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นร้านหนังสือ ร้านเสื้อผ้า ร้านของมือสอง ร้านอาหาร ร้านขนม และร้านกาแฟ
อย่างร้านกาแฟที่เราแวะไปนั่งกันนี้ ก็โอ้โห … บอกเลยว่า ตกแต่งได้เลิศมาก เอาของเก่า มารวมกับของใหม่ เอาความวินเทจ มารวมกับความทันสมัย เอาเฟอนิเจอร์ที่ดูไม่น่าเข้ากัน มาตั้งอยู่ในห้องเดียวกันได้อย่างลงตัว นั่งต่างมุม ก็ได้ต่างบรรยากาศ แถมยังได้โลเคชั่นริมทะเลใกล้กับท่าเรือ Kitahama มาช่วยสร้างเสน่ห์เข้าไปอีก ถ้าเป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่แถวบ้านนะ ได้กลายเป็นร้านประจำอย่างแน่นอน เพราะนั่งแล้ว ก็คงไม่อยากลุกไปไหนเลยล่ะ
Kitahama Alley
ที่ตั้ง : 4-14 Kitahama-cho, Takamatsu-shi, Kagawa 760-0031
เปิดบริการ : แต่ละร้านเปิดให้บริการในเวลาที่แตกต่างกัน เช้าบ่าย สายบ้าง บ่ายบ้าง ส่วนใหญ่จะเปิดระหว่าง 11.00 – 24.00 น. แต่ยังไงก็ลองเช็คเว็บไซต์ด้านล่างนี้ดูก่อนการเดินทางนะ
การเดินทาง : เดินประมาณ 10 นาที จากสถานี JR Takamatsu
เว็บไซต์ :
https://www.kitahama-alley.com/
https://www.visitwestjapan.com/sightseeing-spots/kawawa/takamatsu-city/kitahama-alley/
Nakano Udon School
ที่โรงเรียน Nakano Udon School แห่งนี้ เป็นสถานที่เรียนทำอุด้งในแบบที่เหมาะสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ตรงในการหัดทำอุด้งในสไตล์ท้องถิ่น (Sanuku Udon) ขนานแท้แล้ว ยังสอดแทรกความสนุกสนานระหว่างการทำไว้ด้วย ลงมือทำด้วยตัวเอง ได้สนุกกับเพื่อนๆ หรือคนอื่นๆ ที่มาด้วยกัน แถมยังได้กินฝีมือของตัวเองอีก ที่สำคัญ… เขาไม่ได้หวงสูตรอะไรเลยนะ เอาไปปรับ แล้วลองหัดทำเองที่บ้านก็ยังได้ ไม่ได้ยากเลย เพียงแต่… จะปรับสูตร ให้อร่อย เหนียว นุ่ม หนึบ ได้เหมือนเขาหรือเปล่า ก็เท่านั้น
ช่วงแรกของการทำ คุณครู (เซนเซ) ก็จะสอนให้ลองรีดแป้ง แล้วก็ตัดแป้งก่อน ถือเป็นออกแรงแบบเบาะๆ ให้วอร์มแขนกันไปก่อน
ช่วงต่อมา เซนเซก็จะแนะนำให้เราได้รู้จักกับส่วนผสมของการทำเส้นอุด้ง (มีแค่ 2-3 อย่างเอง) แล้วก็ให้ผสม และนวดเอง ซึ่งความสนุกก็จะตามมาด้วยการที่เราจะไม่ได้ผสมแป้งด้วยมือเท่านั้น แต่ที่นี่ เขามีเอกลักษณ์ที่จะนวดต่อด้วยเท้าด้วยนั่นเอง (เราว่า… นี่แหล่ะ ที่มาของความเหนียวหนึบของเส้น เด้งๆ แบบว่าเคี้ยวมันทีเดียว) ซึ่งคนญี่ปุ่น เขาไม่ได้ถือว่าเท้าเป็นของต่ำแบบบ้านเราอ่ะนะ ก็เลยทำอุด้งกันด้วยวิธีนี้ได้โดยไม่ขัดเขิน แต่นักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเรานี่ แรกๆ ก็แอบเกร็งๆ เหมือนกันที่ต้องเอาเท้าเหยียบของกิน (^^)”
และเมื่อทำเสร็จแล้ว เราก็จะลิ้มรสเส้นอุด้ง ที่เรารีดและตัดเอง ในตอนแรกนั่นแหล่ะ ทีนี้ ใครจะตัดใหญ่ ตัดเล็ก ตัดหยาบ ตัดสวย ยังไง ก็จะได้เห็นกันชัดๆ หลังจากต้มสุก และตักใส่ปากนั่นเอง โดยเซ็ตมื้อกลางวันปกติของที่นี่ ก็จะมี Tempura มาให้ด้วย ไม่ได้กินแต่เส้นอุด้งเปล่าๆ หรอกนะ
แล้วถ้าใครจะลงมาเติมความหวานหลังอาหารที่หน้าร้าน เป็น Yomeiri Soft Cream ซึ่งเป็นซอท์ฟครีม ที่โรยด้วยเม็ด Yomeiri ของกินท้องถิ่นของที่นี่ ก็ได้นะ
เป็นกิจกรรมที่สนุกดีนะ แนะนำว่าควรมาลองทำกันดู (^^)
(ถ้าเรามาวันท้ายๆ ก่อนจะกลับเมืองไทย ก็จะได้แป้งอุด้งที่เรานวดด้วยมือและเท้าของเรากลับบ้านไปด้วย แต่ถ้ามาวันแรกๆ ของการเดินทางละก็ อาจจะอด ทางร้านต้องเก็บไว้เอง เพราะแป้งอุด้งทำสดแบบนี้ จะอยู่ได้ไม่กี่วันนะสิ)
อิ่มเอมกับอุด้งกันแล้ว ก็สามารถไปเดินย่อยอาหารกันต่อได้ที่บริเวณช้อปปิ้งหน้าทางขึ้นศาลเจ้า Konpira (โรงเรียนอยู่ไม่ไกลจากทางขึ้นศาลเจ้าเลย)
Nakano Udon School
ที่ตั้ง : 796 Kotohira-cho, Nakatado-gun, Kagawa
เปิดบริการ : เปิดตลอดปี ไม่มีวันหยุด โดยคลาสเรียนมีตั้งแต่ 09.00 – 15.00 น. (จองล่วงหน้า โดยต้องมีผู้ร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 2 คน) / ร้านค้าเปิด 08.30 – 18.00 น.
ค่าเรียน : คนละ 1,500 เยน ยังไม่รวมภาษี (คลาสละ 2 – 14 คน) แค่ทำอุด้งอย่างเดียว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้ารวมเวลาอาหารและช้อปปิ้งในร้านด้วย จะใช้เวลาประมาณ 90 นาที
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Kotohira มาได้ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์ :
http://www.nakanoya.net/ (ภาษาญี่ปุ่น)
https://www.my-kagawa.jp/en/experience/experience01
Kotohira-gu Shrine
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในจังหวัด Kagawa ก็คือศาลเจ้า Kotohira-gu หรือที่เรียกสั้นๆ กันว่า Konpira หรือที่ Konpira-san) ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมือง Takamatsu ไปประมาณ 1 ชั่วโมง โดยที่นี่บูชาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล (Sanuki-no-Kanpirasan) ผู้คนที่ทำงานเกี่ยวกับทะเลจึงนิยมมาขอพรกันมาก
ไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้ ก็คือทางเดินที่ต้องเดินขึ้นบันไดหลายชุด รวมกันแล้วถึง 1,368 ขั้น แต่จุดที่นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมกัน เป็นส่วนของศาลเจ้าย่อยเดินไปแค่ 785 ขั้นเท่านั้น (^^)”
มีร้านรวงตลอดสองข้างทางดึงดูดใจ จนบ้างครั้งเราอาจจะลืมเหนื่อยไปบ้าง เมื่อต้องเจอกับบันไดๆๆๆ ไปตลอดทางสู่ตัวศาลเจ้า แต่ก็คุ้มค่ากับการได้ขึ้นไปขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้อย่างแน่นอน เพราะเชื่อกันว่าที่นี่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก และอาคารงานไม้ต่างๆ ที่นี่ก็งามๆ ทั้งนั้นเลย
Kotohira-gu Shrine
ที่ตั้ง : 892-1, Kotohira-cho, Nakatado-gun, Kagawa, 766-8501
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. (ช่วงปีใหม่ ศาลเจ้าแห่งนี้จะคนเยอะมาก ก็เพราะความศักดิ์สิทธิ์นั่นแหล่ะ)
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : เดินจากสถานี JR Kotohira มาโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็จะถึงทางขึ้นศาลเจ้า จากด้านล่างขึ้นไปยังตัววิหาร เดินชิลๆ อาจใช้เวลาราวๆ 40 – 60 นาที แล้วแต่กำลังขาของแต่ละคน
เว็บไซต์ : http://www.konpira.or.jp/ (ภาษาญี่ปุ่น)
Kotohira Onsen Kotosankaku
Kotohira Onsen Kotosankaku แห่งนี้ เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ที่ให้บริการห้องพักทั้งแบบญี่ปุ่น และแบบตะวันตก แล้วยังมีห้องอาบน้ำร้อนรวมไว้บริการ และยังมีตึกใหม่ที่ให้บริการลูกค้าระดับพรีเมี่ยมโดยเฉพาะอีกด้วยนะ
ที่นี่แบ่งออกเป็น 2 ตึกหลักๆ คือตึกที่มีบริการแบบมาตรฐาน “Sansuikan” หรือ Sansui Building และตึกที่ให้บริการแบบ luxurious “Hitenkan” หรือ Hiten Building มีห้องพักทุกแบบรวมกันแล้วถึง 225 ห้อง ทั้งสองตึกมีห้องอาหารและห้องอาบน้ำร้อนรวมเป็นของตัวเอง แต่มีทางเชื่อมถึงกันได้ที่บริเวณชั้น 3 โดยตึกที่เราพักกันก็คือ Sansuikan และพักในห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น (^ ^)
ในเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกนั้น ไม่มีขาดตกบกพร่อง ถือเป็นโรงแรมทางเลือกที่ดี หากต้องการมาพักในแถบนี้
อาหารค่ำ เราได้รับเกียรติให้ลองรับประทานอาหารที่ห้องอาหารสุดเลอค่าในโรงแรม Kotohira Onsen Kotosankaku ที่อยู่ฝั่งตึก Hitenkan (ปกติถ้านอนตึก Sansuikan จะไม่สามารถไปใช้สิ่งอำนวยความสะดวกที่ตึก Hitenkan ได้หรอกนะ) เป็นอาหารญี่ปุ่นที่มีความประณีต พิถีพิถันในการปรุง ตามสไตล์โรงแรมญี่ปุ่นแท้ๆ
กล่าวโดยสรุป นอนตึกไหนก็รู้สึกไฮโซโบว์แดงเหมือนกัน เพราะดูดีทั้งสองตึกนั่นแหล่ะ 😉
Kotohira Onsen Kotosankaku
ที่ตั้ง : 685-11 Kotohira-cho, Nakatado-gun, Kagawa, 766-0001
การเดินทาง : เดินประมาณ 5 นาที จากสถานี JR Kotohira
เว็บไซต์ : http://www.kotosankaku.jp/
ดูรายละเอียดโรงแรมที่นี่ >> Kotohira Onsen Kotosankaku
เป็นหนึ่งวันเต็มในจังหวัด Kagawa ที่คุ้มค่าจริงๆ ได้ไปยังจุดท่องเที่ยวที่เป็นจุดขายเด่นๆ ของจังหวัด แล้วยังได้ไปจุดท่องเที่ยวแนะนำใหม่ๆ ที่เกิดจากแนวคิดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว หวังว่าจะมีคนมาตามรอยกันบ้างนะจ้ะ
Nio Mikan no Sato
แต่ก่อนจะออกจากจังหวัด Kagawa ในช่วงเช้าเราแวะไปเที่ยวกันที่ Nio Mikan no Sato ซึ่งเป็นเสมือนสหกรณ์จำหน่ายส้มมิกัง (ส้มแมนดาริน) ผลไม้ขึ้นชื่อในแถบนี้ ด้วยอากาศที่เหมาะสม แสงแดดจัด และกระแสลมแรง ทำให้ส้มมิกังของที่นี่มีชื่อเสียง และในช่วงที่เราเดินทางไปกันก็เป็นปลายฤดูเก็บเกี่ยวส้มมิกังพอดี ที่นี่จึงยังเปิดให้บริการอยู่
และถึงจะมีให้ชิมไม่มาก แต่ก็มีหลากหลายสายพันธุ์ รสชาติก็หวานมาก หวานน้อย แตกต่างกันไป (แต่ยืนยันได้อย่างหนึ่งว่า … ไม่มีพันธุ์ไหน ไม่อร่อยเลยล่ะ) จะแวะเข้ามาชิม ชม ช้อป เป็นเสบียงก่อนออกเดินทางกันต่อ ก็ถือว่าไม่เสียหลาย
Nio Mikan no Sato
ที่ตั้ง : 1206-1, Nio Ko, Niomachi, Mitoyo, Kagawa, 769-1408
เปิดบริการ : 09.00 – 17.00 น. เปิดเฉพาะช่วงฤดูส้มมิกัง คือราวกลางเดือนพ.ย. ถึงปลายเดือนธ.ค. / ปิดวันจันทร์
การเดินทาง : ขับรถมาดูจะเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นเส้นทางแบบท้องถิ่นมากๆ ส่วนสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดคือ JR Hijidai ของ Yosan Line แต่ก็ยังอยู่ค่อนข้างไกลจากที่นี่มาก
เว็บไซต์ : https://www.my-kagawa.jp/point/142
และในตอนหน้า เราจะไปต่อกันที่จังหวัดเอฮิเมะ (Ehime Prefecture) จังหวัดที่อยู่ในเขต Setouchi (จังหวัดที่มีอาณาเขตติดกับทะเลในเซโตะ หรือ Seto Inland Sea ซึ่งเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า Seto-Naikai) เช่นเดียวกับจังหวัดคากาวะ
แล้วมาติดตามกันนะว่าจังหวัดเอฮิเมะ จะมีแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนที่น่าสนใจกันบ้าง (^^)
เรื่องแนะนำ :
– ตลาดวันอาทิตย์ที่มีมากว่า 300 ปี ของจังหวัดโคจิ
– ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 2 “Ehime”
– 10 สถานที่ว๊าวๆ ใน Tokushima ที่ต้องไปให้ได้
– Umaji หมู่บ้านส้มยูสุที่โด่งดังได้เพราะความมุ่งมั่นไม่ท้อถอย
– Kamikatsu เมืองปราศจากขยะ
#ตะลุยเที่ยว 3 จังหวัดบนเกาะชิโกกุ (Shikoku) ตอนที่ 1 “Kagawa”